พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
บทที่ 23 พระมหากรุณาธิคุณต่อมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

ในปี พ.ศ.2529 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 โดยได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สถาบันฯ ใช้ชื่อ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี อันเป็นมงคลนามที่จะเตือนใจคณาจารย์ นักศึกษาปัจจุบัน และนักศึกษาเก่าให้เจริญตามรอยพระยุคลบาท ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงมีพระอัจริยภาพและพระปรีชาญาณ ในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และด้านภาษาศาสตร์ ในปี พ.ศ.2534 รองราชเลขาธิการ อาจารย์ภาวาส บุนนาค ได้นำหนังสือของสถาบันฯ ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาอัญเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโครงการนิทรรศการเทคโนโลยีครั้งที่ 6 ณ สถาบันฯ
อนึ่ง เนื่องจากครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 จะเสด็จฯ มาทรงเป็นมิ่งขวัญและกำลังใจของสถาบันฯ อีกทั้งประชาชนชาวฝั่งธนบุรีจะได้เฝ้าชมพระบารมี และได้แสดงความจงรักภักดีอย่างใกล้ชิด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระเมตตา ทรงรับเชิญเสด็จฯ มาทรงเปิดงานนิทรรศการเทคโนโลยี ครั้งที่ 6 ดังหนังสือที่ได้รับแจ้งจากสำนักราชเลขาธิการดังนี้

————————————————————————————-

————————————————————————————-
กำหนดการ
เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานนิทรรศการเทคโนโลยี ครั้งที่ 6
ณ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม 2534
…………………
เวลา 16.30 น .
– พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจาก พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ถึงสถาบันเทคโนโลยีพระจอม เกล้าธนบุรี ( รถยนต์พระที่นั่งเทียบหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ )
– นายกสภาสถาบันฯ อธิการบดี รองอธิการบดี คณบดี รองคณบดี หัวหน้าภาค และคณะกรรมการจัดงานนิทรรศการฯ เฝ้าฯ รับเสด็จฯ
– เสด็จฯ ขึ้นสู่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4
– ทรงวางพุ่มดอกไม้
– ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะ
– ทรงกราบ
– เสด็จฯ เข้าสู่พลับพลาพิธี
– ประธานจัดงานนิทรรศการฯ ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตร และหนังสือครบรอบ 30 ปี
– อธิการบดีกราบบังคมทูลรายงาน
– รองอธิการบดีกราบบังคมทูลเบิกผู้มีจิตศรัทธาเข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย
– เสด็จฯ ทรงเปิดงานนิทรรศการเทคโนโลยี ครั้งที่ 6
– เสด็จฯ ประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังอาคารเรียนภาควิชาวิศวกรรมเคมี
– ทอดพระเนตรโครงการนิทรรศการเครื่องจักรกล และโครงการหลวง
– เสด็จฯ ประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังอาคารเรียนรวม 1
– ทอดพระเนตรโครงงานนิทรรศการด้านเลเซอร์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ การแพทย์ ( ห้อง CB 1209)
– เสด็จฯ ทอดพระเนตรโครงการเลเซอร์ ( ห้อง CB 1204)
– เสด็จฯ ทอดพระเนตรโครงการคอมพิวเตอร์ ( อาคารเรียนรวม 2)
– เสด็จฯ เข้าสู่ที่ประทับ ณ ห้อง CB 2204
– นายกสภาสถาบันฯ กราบบังคมทูลถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และขอพระราชทานเข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม
– อธิการบดี เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาบัตรวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม
– รองอธิการบดี เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนแพและพุ่มดอกไม้
– เสด็จฯ ประทับพักพระราชอิริยาบถ
– ทรงลงพระปรมาภิไธยในสมุดที่ระลึก
– เสด็จฯ ทอดพระเนตรการสาธิตการกำจัดผักตบชวา
– ทอดพระเนตรโครงการเสริมกำลังดินโดยใช้ปูนขาว
– เสด็จฯ ประทับรถยนต์พระที่นั่ง
– เสด็จพระราชดำเนินกลับ
การแต่งกาย
แต่งเครื่องแบบปกติขาว
——————————————————————
( ลายเซ็นต์ )
8 ตุลาคม 2534
ระหว่างปี พ.ศ.2530 – 2534 คณาจารย์และนักศึกษาได้ศึกษาค้นคว้างานวิจัยในสาขาต่างๆ จำนวน 212 โครงการ และสถาบันฯ ได้คัดเลือกงานวิจัยไว้จำนวน 47 โครงการ เพื่อจัดถวายทอดพระเนตร และเพื่อขอรับพระราชทานพระราชดำริเพื่อทำการปรับปรุง พัฒนางานวิจัยเหล่านี้ให้ก้าวหน้าต่อไป ซึ่งอาจารย์ ดร . กฤษณพงศ์ กีรติกร รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพัฒนา ( ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอธิการบดีของมหาวิทยาลัย ) ได้กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับนิทรรศการเทคโนโลยี ครั้งที่ 6 ไว้ดังนี้

นิทรรศการเทคโนโลยี ครั้งที่ 6
วัตถุประสงค์
1. เพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์ของการเปลี่ยนแปลงสภาพของเศรษฐกิจ และสังคมไทยจากประเทศเกษตรกรรม ไปสู่ประเทศอุตสาหกรรมใหม่ ภายใต้การพึ่งพาเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเองภายในประเทศ
2. เพื่อแสดงถึงผลงานความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีที่สร้างขึ้น โดยการพึ่งพาตนเองออกสู่ภายนอก
3. เพื่อแสดงถึงการใช้ และการประยุกต์พัฒนาเทคโนโลยีของสถาบันฯ ให้กับสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในธุรกิจอุตสาหกรรม
4. เพื่อแสดงถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อประโยชน์ในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้คุ้มที่สุด และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
ความมุ่งหมาย
ทิศทางพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศไทย ควรนำไปสู่สังคมที่ได้ดุลยภาพ สังคมที่สามารถพึ่งพาตนเองได้สูง ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ และสามารถแข่งขันในวงกว้าง ภายใต้เงื่อนไขของการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการทำลายสภาพแวดล้อม
โดยนัยดังกล่าว การพัฒนาเทคโนโลยีของประเทศไทยควรชักนำให้เกิดการเติบโต และรองรับอุตสาหกรรม ที่มีความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ ซึ่งอาศัยฐานทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ (Resource-based industry) เช่น อุตสาหกรรมอาหารและแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตร อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและพลาสติก และอุตสาหกรรมที่พึ่งพิงแรงงานที่มีฝีมือ เช่น อุตสาหกรรมอัญมณีรวมทั้งเร่งระดมการสร้างองค์ความรู้ และเทคโนโลยี
ซึ่งจะเป็นรากฐานของอุตสาหกรรมที่จะใช้ทรัพยากรน้อย แต่ทำให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นโดยอาศัย วิทยาการ ตลอดจนอุตสาหกรรมซึ่งไม่อิงฐานทรัพยากรของประเทศ (Non resource-based industry) รวมทั้งอุตสาหกรรมที่ใช้ฐานความรู้ (Knowledge-based industry) ที่ไม่ใช่ทรัพยากรธรรมชาติ ของประเทศ และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ อุตสาหกรรมวิศวการที่ผลิตและใช้วัสดุยุคใหม่ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ ในบรรดาอุตสาหกรรมที่กล่าวมานี้ อุตสาหกรรมอาหารและแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตรมีความสำคัญลำดับสูง เนื่องจากสินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศยังมีฐานวัตถุดิบมาจากภาคเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศยังคงเลี้ยงชีพอยู่ในภาคเกษตรชนบท
การเติบโตของอุตสาหกรรมและการส่งออก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการแปรรูป นำไปสู่ ปัญหามลภาวะสูงขึ้น ถ้าวัสดุเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมดังกล่าวไม่ได้รับการบำบัด นอกจากนั้นการเติบโตของชุมชน ที่ควบคู่ไปกับการเติบโตของเศรษฐกิจ นอกจากก่อให้เกิดปัญหามลภาวะเนื่องจากชุมชนแล้ว ยังมีความต้องการ พลังงานที่สูงขึ้น ทั้งเพื่อการขนส่ง การอุตสาหกรรมและการผลิตไฟฟ้า จะทำให้เกิดปัญหามลพิษ จากฝนกรด รวมทั้งสภาพเรือนกระจก การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อบำบัด และฟื้นฟูสภาพแวดล้อม รวมทั้งเทคโนโลยีพลังงานปลอดมลพิษ จึงเป็นแนวทางของการพัฒนาเทคโนโลยีที่พึงประสงค์
โครงการนิทรรศการเทคโนโลยี
โครงการนิทรรศการเทคโนโลยี ครั้งที่ 6 เป็นผลงานของนักศึกษา อาจารย์ และนักวิชาการของสถาบันฯ ซึ่งมีการสอนและการวิจัยในคณะทั้ง 4 ของสถาบัน คือ
(1) คณะวิศวกรรมศาสตร์ ประกอบด้วยสาขาวิชา
– วิศวกรรมเคมี
– วิศวกรรมคอมพิวเตอร์
– วิศวกรรมเครื่องกล
– วิศวกรรมไฟฟ้า
– วิศวกรรมโยธา
– วิศวกรรมอุตสาหการ
– วิศวกรรมอาหาร
(2) คณะวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วยสาขาวิชา
– คณิตศาสตร์
– เคมี
– จุลชีววิทยา
– ฟิสิกส์
(3) คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม ประกอบด้วยสาขาวิชา
– วิศวกรรมเครื่องกล
– วิศวกรรมไฟฟ้า
– วิศวกรรมโยธา
– วิศวกรรมอุตสาหการ
– ภาษาอังกฤษเพื่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(4) คณะพลังงานและวัสดุ ประกอบด้วยสาขาวิชา
– เทคโนโลยีพลังงาน
– เทคโนโลยีการจัดการพลังงาน
– เทคโนโลยีชีวภาพ
– เทคโนโลยีวัสดุ
– เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม
อนึ่ง งานที่แสดงรวมทั้งผลงานจากหน่วยงานวิจัยและบริการของสถาบันคือ ศูนย์เครื่องมือวิทยาศาสตร์ เพื่อมาตรฐาน และอุตสาหกรรม ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยและพัฒนา สำนักคอมพิวเตอร์ และสถาบันพัฒนาและฝึกอบรมโรงงานต้นแบบ
- 1. โครงงานที่จัดแสดง
โครงงานที่จัดแสดงได้สะท้อนแนวความคิดที่ได้กล่าวมาแล้ว ซึ่งจัดเป็นกลุ่มได้ 6 กลุ่มหลักคือ
1.1 คอมพิวเตอร์ เพื่อสังคมของการเรียนรู้และการผลิต
โครงงานกลุ่มนี้จะแสดงบทบาท และศักยภาพของการใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อเป็นเครื่องมือของการศึกษา ทั้งในระบบ และการศึกษานอกระบบ รวมทั้งเพื่อสนับสนุนกระบวนการผลิตอัตโนมัติ เพื่อเสริม หรือทดแทนแรงงานมนุษย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจและการผลิตให้สูงขึ้นไปจนถึง ระบบปัญญาประดิษฐ์ในการเพิ่มขอบเขต และความสามารถการตัดสินใจ การเรียนรู้ และการรับรู้ โครงงานที่จัดแสดงประกอบด้วยการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา และการเรียนรู้วิชาพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ภาษา ครุศาสตร์ อุตสาหกรรม การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษาและการออกแบบทางวิทยาศาสตร์ในสาขาต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของคอมพิวเตอร์ในฐานะเครื่องช่วยการออกแบบ (Computer Aided Design) การใช้คอมพิวเตอร์ในการควบคุมอุปกรณ์และกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมทั้งในอุตสาหกรรมวิศวการ ( เช่น การขึ้นรูปวัสดุ ) และอุตสาหกรรมการผลิต คอมพิวเตอร์กับระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เช่นระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System) และการแปลภาษาด้วยคอมพิวเตอร์ รวมจนถึงคอมพิวเตอร์กับระบบสารสนเทศ กิจการธุรกิจและสันทนาการ
1.2 อุปกรณ์ต้นแบบและเครื่องจักรกลต้นแบบ
อุปกรณ์ต้นแบบและเครื่องจักรกลต้นแบบ เพื่อการใช้งานในหลายลักษณะได้รับการพัฒนาโดยสถาบันฯ และมีการใช้งานจริงในชุมชนและอุตสาหกรรม แบ่งออกได้ตามการใช้งานหลักคือ อุปกรณ์และเครื่องจักรกล สำหรับครัวเรือน อุตสาหกรรมหมู่บ้าน และอุตสาหกรรมขนาดย่อม อุปกรณ์เครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรม อาหาร และแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตร ซึ่งอาจารย์และนักวิชาการของสถาบันฯ ได้ออกแบบ และจัดสร้างขึ้น เพื่อใช้งาน ในโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูป ภายใต้โครงการหลวง และโครงการพัฒนาตามพระราชดำริ ใช้แปรรูปผักและผลไม้ เช่น มะเขือเทศ ข้าวโพดฝักอ่อน การทำน้ำผลไม้เข้มข้น อุปกรณ์เครื่องจักรสำหรับ อุตสาหกรรม วิศวการ (Engineering Industry) เช่น ปั๊มเครื่องยนต์ งานหล่อ การขึ้นรูปโลหะ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การวัด และการควบคุม และเครื่องจักรกล ทางไฟฟ้า ที่เน้นบทบาทของอิเล็กทรอนิกส์กำลัง ร่วมกับไมโครโปรเซสเซอร์ และคอมพิวเตอร์ในการควบคุม ระบบจ่าย และใช้กำลังไฟฟ้า เครื่องมือวิเคราะห์ทาง วิทยาศาสตร์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และกายภาพบำบัดอุปกรณ์ และเครื่องจักรสำหรับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และการสุขาภิบาล เช่น เรือกำจัดผักตบชวา และเครื่องบดย่อยเตาเผาขยะ และวัสดุเหลือทิ้งประสิทธิภาพสูง
1.3 โรงงานต้นแบบอุตสาหกรรม
โรงงานต้นแบบอุตสาหกรรม เป็นโครงงานที่มีขนาดกำลังผลิต หรือความสามารถในการทำงาน ประมาณหนึ่งในร้อย ถึงหนึ่งในสิบของโรงงานอุตสาหกรรมจริง อุปกรณ์และเครื่องจักรต้นแบบถูกนำมาประกอบ เป็นระบบเพื่อการทดสอบการผลิตอย่างต่อเนื่อง หรือกึ่งต่อเนื่อง ภายใต้เงื่อนไขการป้อนวัตถุดิบ และการควบคุมสภาวะการทำงานใกล้เคียงกับกระบวนการผลิตจริง วิศวกรจะใช้โรงงานต้นแบบในการหาข้อมูล ทางเทคนิคของระบบการผลิตรวม เพื่อนำไปขยายขนาด (Scale up) และการออกแบบโรงงานจริง นอกจากนั้นจะสามารถใช้โรงงานต้นแบบในการฝึกอบรมพนักงาน เพื่อเรียนรู้เทคนิคการดำเนินงาน และการควบคุมโรงงานจริง ใช้ทดสอบการผลิตรูปแบบใหม่ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุดิบหรือเงื่อนไขการผลิต ซึ่งไม่สามารถใช้โรงงานจริงทดสอบได้ เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมจะได้รับการออกแบบ และสร้างให้ทำงานเฉพาะอย่างเท่านั้น นอกจากนั้นการศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นทางเศรษฐศาสตร์ และทางเทคนิคอาจทำได้โดยใช้โรงงานต้นแบบ สถาบันฯ ได้พัฒนาความสามารถด้านโรงงานต้นแบบ อย่างต่อเนื่อง ทั้งสำหรับอุตสาหกรรมกระบวนการ (Process Industry) และอุตสาหกรรมการผลิต (Manufacturing Industry) โรงงานต้นแบบอุตสาหกรรมที่จะแสดงเน้นอุตสาหกรรมอาหาร การแปรรูปถั่วเหลือง การเพิ่มพูนค่ามันสำปะหลัง รวมทั้งการบำบัดของเสีย
1.4 เทคโนโลยีเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มสำหรับทรัพยากรธรรมชาติ และอุตสาหกรรมที่ใช้ฐานความรู้
เทคโนโลยีสมัยใหม่ (Sun Rise Technology) จะสนับสนุนการผลิตที่อิงฐานความ รู้ การสร้างสังคมสารสนเทศและสังคมของการเรียนรู้ และเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตัวอย่างที่สำคัญของเทคโนโลยีสมัยใหม่ เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ รวมจนถึงเทคโนโลยีพลังงานปลอดมลภาวะ โครงการเทคโนโลยีใหม่ที่จัดแสดงได้แก่ เทคโนโลยีชีวภาพเพื่อการบำบัดของเสีย การใช้ประโยชน์จากของเหลือใช้ และเพื่อกระบวนการอุตสาหกรรม โดยเน้นการเปลี่ยนของเหลือใช้หรือการเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบทางการเกษตรโดยการใช้แบคทีเรีย ยีสต์ รา และสาหร่าย เพื่อการผลิตอาหาร สารเคมี และสารชีวภาพออกฤทธิ์ เทคโนโลยีเลเซอร์
เพื่อการแพทย์ การวัดละเอียด การอุตสาหกรรม และการเกษตรโดยใช้เลเซอร์ชนิดต่างๆ ที่นักวิชาการของสถาบันฯ ได้ออกแบบและสร้าง เช่น เลเซอร์ฮีเลียมนีออน เลเซอร์ออร์กานิกดาย เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ เลเซอร์ไนโตรเจน เทคโนโลยีวัสดุสมัยใหม่ที่แสดง ได้แก่ เทคโนโลยีฟิล์มบาง ซึ่งได้จากการเตรียมด้วยการเคลือบด้วยไอทางกายภาพ ( ระเหิดในสูญญากาศด้วยการสปัตเตอร์ ) การเคลือบทางเคมี ( การชุบเคลือบการสลายไอสารเคมีด้วยความร้อน )
เพื่อเตรียมผิวเคลือบกันการผุกร่อนและการสึกหรอ ฟิล์มเคลือบกระจกอาคารที่พักอาศัยและอาคารพาณิชย์ ที่ใช้ควบคุมแสงสว่างและความร้อนผ่านเข้าออกอาคาร สารกึ่งตัวนำยิ่งยวด อุณหภูมิสูงโลหะอสัณฐาน รวมไปจนถึงการศึกษาและการปรับปรุงอัญมณี ตัวอย่างของโครงการเทคโนโลยีพลังงานปลอดมลภาวะได้แก่ การผลิตความร้อนจากแสงอาทิตย์ ระบบสูบน้ำด้วยเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อการอุปโภค การบริโภคและการเกษตรกรรมสำหรับชนบท ระบบการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับหมู่บ้านในชนบท
1.5 อุปกรณ์เพื่อการศึกษาและการฝึกอบรมทางครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันฯ เป็นสถานศึกษาที่สำคัญในการผลิตครู สำหรับโรงเรียนและวิทยาลัยเทคนิคและอาชีวศึกษา ซึ่งเป็นผู้สร้างช่างเทคนิคให้กับประเทศต่อไป หลักสูตรครุศาสตร์อุตสาหกรรมของสถาบันฯได้สร้างครู พัฒนาอุปกรณ์การเรียนการสอนรวมทั้งเทคโนโลยีทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง โครงงานนิทรรศการที่จัดแสดงในกลุ่มนี้ประกอบด้วย ชุดฝึกทดลอง สาธิตด้านอิเล็กทรอนิกส์ โทรคมนาคม ไฟฟ้า เครื่องยนต์ กลศาสตร์ของไหล การวัดคุม โยธา และเทคโนโลยีทางการศึกษาอื่นๆ เช่น สื่อการสอน เป็นต้น
1.6 เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม
โครงงานนิทรรศการในกลุ่มนี้ประกอบด้วย โครงงานด้านการจัดการ และการแก้ไขมลภาวะจากชุมชน และอุตสาหกรรม เช่น การปรับปรุงคุณภาพคลอง การบำบัดน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมด้วยเทคนิคต่างๆ มลภาวะทางอากาศ อุปกรณ์และเครื่องจักรสำหรับแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม และสุขาภิบาล และนิทรรศการเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความตื่นตัวในเรื่องสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
- 2. โครงงานประกอบอื่นๆ
2.1 การจัดแสดงการประลองทางวิศวกรรมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ โดยใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ของสถาบันฯ
2.2 การจัดแสดงความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีสมัยใหม่จากทั้งหน่วยงานรัฐบาลและเอกชน
2.3 การจัดการแข่งขันตอบปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา
2.4 การแข่งขันทางทักษะทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา
2.5 การจัดกิจกรรมรณรงค์เกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่เป็นผลเนื่องจากการเจริญเติบโต ของชุมชนและอุตสาหกรรม
สถานที่ ที่ได้จัดเตรียมไว้เพื่อรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มี 3 จุด คือ
1. จุดหน้าสถาบันฯ ที่พระบรมราชานุเสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปะรำที่ประทับ พร้อมเต็นท์สำหรับผู้มีเกียรติ และข้าราชการ จำนวน 3 เต็นท์ และบริเวณทรงเปิดงานนิทรรศการ
2. อาคารชั้นล่างของภาควิชาวิศวกรรมเคมี สำหรับจัดแสดงงานวิจัยพัฒนาด้านเครื่องจักรกลทางการเกษตร และอุตสาหกรรม
3. อาคารเรียนรวมที่ 1 และที่ 2 ตลอด 2 ชั้น คือ ชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 รวมทั้งบริเวณด้านหน้าอาคารภาษา (เก่า) ซึ่งปัจจุบันเป็นสหกรณ์ร้านค้า และงานเอกสารการพิมพ์ เป็นที่จอดรถยนต์พระที่นั่ง และสำหรับกองดุริยางค์ของนักเรียนโรงเรียนวัดสุทธิวราราม
โครงงานที่จัดแสดงถวายทอดพระเนตร ในงานนิทรรศการเทคโนโลยี ครั้งที่ 6
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
1. อาคารวิศวกรรมเคมี
ผู้กราบบังคมทูลถวายรายงาน และอัญเชิญเสด็จทอดพระเนตรโครงงาน : รศ.ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน

2. อาคารเรียนรวม 1 ห้อง ซี.บี. 1209
ผู้กราบบังคมทูลถวายรายงาน และอัญเชิญเสด็จทอดพระเนตร : ดร.กฤษณพงษ์ กีรติกร

3. อาคารเรียนรวม 1 ห้อง ซี.บี. 1204
ผู้กราบบังคมทูลถวายรายงาน และอัญเชิญเสด็จทอดพระเนตร : รศ.ดร.วุฑฒิ พันธุมนาวิน

4. อาคารเรียนรวม 2 ห้อง ซี.บี. 2206
ผู้กราบบังคมทูลถวายรายงาน และอัญเชิญเสด็จทอดพระเนตร : ดร.บวร ปภัสราทร
– กลุ่มโครงงานคอมพิวเตอร์ 3 กลุ่มหลัก
เป็นโครงการคอมพิวเตอร์ จากสำนักคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ และหน่วยบริการเทคโนโลยี สารสนเทศ ประกอบด้วย
1. โครงการประมวลสารสนเทศ (Information Processing)
แสดงการใช้สารสนเทศในรูปต่างๆ อาทิ ข้อมูล รูปภาพ และเสียงภายในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) ที่ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์แบบ Workstation และ Personel Computer (PC) แสดงการใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือการสอนวิชาต่างๆ
2. โครงการออกแบบอิเล็กทรอนิกส์โดยใช้คอมพิวเตอร์ (Electronic Design Automation)
แสดงการออกแบบวงจรรวม (Integrated Circuit) โดยใช้คอมพิวเตอร์ ( มีตัวอย่างวงจรรวมตัวแรกที่ออกแบบโดยคนไทยแสดงประกอบ ) และซอฟต์แวร์ออกแบบที่พัฒนาขึ้นในประเทศไทย ทั้งในระดับ Workstation และ PC
3. โครงการเทคโนโลยีการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยงาน (Computer Aided Technology)
แสดงการออกแบบและการผลิตชิ้นงานโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ ( มีตัวอย่างการออกแบบ และผลิตเครื่องหมายพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. แสดงประกอบ ) แสดงการออกแบบสถาปัตย กรรมโดยใช้คอมพิวเตอร์ ( มีตัวอย่างการออกแบบศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์แสดงประกอบ ) แสดงการประเมินราคาและจัดทำรายการวัสดุโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วย ( มีตัวอย่างการประเมินราคาและรายการวัสดุอาคารที่อยู่อาศัยแสดงประกอบ )
5. บริเวณชั้นล่างอาคารเรียนรวม 2 ด้านสระน้ำ
ผู้กราบบังคมทูลถวายรายงาน และอัญเชิญเสด็จทอดพระเนตร : รศ.ดร.เดช พุทธเจริญทอง
5.1 เรือกำจัดผักตบชวา
5.2 สายพานลำเลียงผักตบชวา
5.3 เครื่องบดย่อยผักตบชวา
6. บริเวณสนามหญ้าอาคารเรียนรวม 2 ด้านสระน้ำ
ผู้กราบบังคมทูลถวายรายงาน และอัญเชิญเสด็จทอดพระเนตร : ผศ.เกษม เพชรเกตุ
การปรับปรุงกำลังของดิน
วันเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานนิทรรศการเทคโนโลยี ครั้งที่ 6 ในที่สุด วันที่ทุกคนเฝ้ารอคอยก็มาถึงคือ วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ.2534 เวลาประมาณ 16.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนิน เพื่อทรงเปิดงานนิทรรศการเทคโนโลยี ครั้งที่ 6 ณ บริเวณหน้าสถาบันฯ ซึ่งจะขออัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์และคำบรรยาย เกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินยังสถาบันฯ ดังนี้



1. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนิน ขึ้นสู่ลานพระบรมราชานุเสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะ และทรงกราบ
2. เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พลับพลาพิธี
3. รศ.ดร.ไพบูลย์ หังสพฤกษ์ อธิการบดีสถาบันฯ กราบบังคมทูลรายงานดังนี้
ของ
นายไพบูลย์ หังสพฤกษ์
ในวโรกาส
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานนิทรรศการเทคโนโลยี ครั้งที่ 6
ณ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
————————————————————————————-
ข้าพระพุทธเจ้า นายไพบูลย์ หังสพฤกษ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสกราบบังคมทูลรายงานการจัดนิทรรศการเทคโนโลยี ครั้งที่ 6 โดยสรุปดังนี้
นับเป็นมหามงคลพิเศษ และเป็นปฐมฤกษ์ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทพร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระมหากรุณาธิคุณ เสด็จพระราชดำเนินมายังสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มาทรงเป็นมิ่งขวัญ และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สถาบันฯ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม และเป็นประธานเปิดงานนิทรรศการฯ ครั้งนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายต่างซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ล้นเกล้าล้นกระหม่อม ก่อให้เกิดขวัญและกำลังใจที่จะประกอบงานสนองพระเดชพระคุณเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติจนสุดกำลัง
ข้าพระพุทธเจ้าในนามของบรรดาผู้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัย ขอให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เป็นร่มเกล้าของชาวไทยสืบไปชั่วจีรกาล
การจัดงานนิทรรศการเทคโนโลยี ครั้งที่ 6 นี้ มีจุดประสงค์ 3 ประการ คือ
1. เพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณ และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งสถาบันฯ ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้พระปรมาภิไธยของพระองค์
2. เพื่อเผยแพร่ความรู้ ซึ่งเป็นผลงานการค้นคว้าทางวิชาการ ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ
3. ประการสำคัญยิ่งคือ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวโรกาสที่สถาบันฯ ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม แด่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทในปี พ.ศ.2533
ด้วยเหตุผลดังกล่าว คณาจารย์ ข้าราชการ และนักศึกษาของสถาบันฯ ได้ร่วมใจกันจัดนิทรรศการเทคโนโลยี ครั้งที่ 6 นี้โดยได้จัดแสดงโครงงาน 212 โครงงาน ซึ่งเป็นผลของการทำงานวิชาการของนักศึกษาและข้าราชการในช่วงเวลา 4 ปี นับแต่งานนิทรรศการครั้งที่แล้ว โครงงานอาจแบ่งได้เป็น 6 กลุ่มหลักคือ คอมพิวเตอร์เพื่อสังคมของการเรียนรู้ การผลิตอุปกรณ์ต้นแบบและเครื่องจักรกลต้นแบบ โรงงานต้นแบบอุตสาหกรรม เทคโนโลยีเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มสำหรับทรัพยากรธรรมชาติและอุตสาหกรรม เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม และอุปกรณ์เพื่อการศึกษาและฝึกอบรมทางครุศาสตร์อุตสาหกรรม
อนึ่งสถาบันฯ ได้จัดโครงการจำนวนหนึ่งทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทอดพระเนตร ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายใคร่ขอพระราชทานพระราชดำริและคำแนะนำในการปรับปรุงพัฒนางานวิจัยต่างๆ ซึ่งพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้จะเป็นพลังสูงสุดให้บรรดาคณาจารย์ และนักศึกษาเกิดความมานะบากบั่น และยึดมั่นในปณิธานที่จะระดมพลังกาย ใจ และปัญญาช่วยกันสร้างสรรค์ สงวนรักษา พัฒนาและเผยแพร่ ตามรอยพระยุคลบาทโดยไม่หยุดยั้ง
บัดนี้ได้เวลาอันเป็นมงคลฤกษ์แล้ว ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานกราบบังคมทูล อัญเชิญใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานนิทรรศการเทคโนโลยี ครั้งที่ 6 และขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเบิกตัวผู้ทูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย ตามที่ นายสุชาติ เพริศพริ้ง ประธานคณะกรรมการประสานงานนิทรรศการเทคโนโลยีครั้งที่ 6 จะกราบบังคมทูลพระกรุณาต่อไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
- 3. อาจารย์สุชาติ เพริศพริ้ง รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา กราบบังคมทูลพระกรุณาเบิกตัวผู้มีจิตศรัทธา จำนวน 30 คน ทูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย ซึ่งต่อมาได้พระราชทานเงินทั้งหมด แก่สถาบันฯ และสถาบันฯ ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต จัดตั้งกองทุน ภปร . เพื่องานวิจัยและได้นำเงินที่ได้รับพระราชทาน นั้นมาไว้ในกองทุน ภปร . เพื่องานวิจัย ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ประวัติความเป็นมาของกองทุน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินที่มีผู้ทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัยในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานนิทรรศการเทคโนโลยี ครั้งที่ 6 ณ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นจำนวน 804,920 บาท (แปดแสนสี่พันเก้าร้อยยี่สิบบาทถ้วน) เพื่อไว้ใช้ในกิจการของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี สถาบันฯ ได้นำเงินพระราชทานดังกล่าว จัดตั้งเป็น “ กองทุน ภปร. เพื่อการวิจัย ” โดยได้รับพระบรมราชานุญาตให้เชิญอักษรพระประมาภิไธย ภปร. เป็นชื่อกองทุน
สถานภาพการเงินของกองทุนในปัจจุบัน (ปีงบประมาณ พ.ศ.2547) มีจำนวน 6,529,524.02 บาท (หกล้านห้าแสนสองหมื่นเก้าพันห้าร้อยยี่สิบสี่บาทสองสตางค์)
วัตถุประสงค์ของกองทุน
1. เพื่อพัฒนา ส่งเสริม และสนับสนุนการวิจัยของข้าราชการ และนักศึกษาของสถาบันให้เกิดความก้าวหน้า มีประสิทธิภาพสูง และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม ทั้งในตัวเมืองและชนบท
2. ส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยเพื่อประโยชน์แก่สถาบัน
3. ให้ทุนในการวิจัย ซึ่งดำเนินการโดยบุคลากรในสถาบัน หรืออาจร่วมงานกับบุคลากรนอกสถาบัน
4. ให้เป็นรางวัลเพื่อเป็นเกียรติและเป็นกำลังใจแก่บุคลากรของสถาบันที่ได้รับรางวัลในการส่งผลงาน วิจัยเข้าร่วมแข่งขัน หรือได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรตินำชื่อเสียงมาสู่สถาบันทางด้านงานวิจัยและพัฒนา จากองค์กรหรือหน่วยงานทั้งภายใน และต่างประเทศ
5. ให้เป็นทุนส่วนหนึ่งในการไปร่วมงานวิจัย หรือเสนอผลงานวิจัยทางวิชาการนอกประเทศ
6. กิจการอื่นที่เกี่ยวกับการวิจัย ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร

เป้าหมาย
เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงเถลิงถวัลย์สิริราชสมบัติปีที่ 50 และเพื่อเก็บรักษา เพิ่มพูนกองทุนที่ได้รับพระราชทานมานี้ให้คงอยู่สืบไป โดยจะนำเฉพาะส่วนที่เป็นดอกผลมาสนับสนุนการศึกษาค้นคว้า วิจัยและพัฒนาสนองพระราชดำริให้เป็นประโยชน์และทรงคุณค่า สมดังเจตน์จำนงและคำปฏิญาณที่สถาบันฯ ได้ถวายไว้ คณะกรรมการกองทุน ภปร. เพื่อการวิจัย ในการประชุม เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2538 เห็นควรให้รณรงค์จัดหาเงินทุนให้ได้ไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาทในระยะเวลา 5 ปี โดยมีผู้ร่วมสมทบทุนเริ่มแรกดังนี้
1. ผู้บริหารสถาบันฯ จำนวนหนึ่ง
2. สภาคณาจารย์สถาบันฯ
3. รศ.เกษม เพชรเกตุ (อดีตนายกสมาคมศิษย์เก่า สจธ.)
60,000 บาท
10,000 บาท
10,000 บาท

แผ่นพับกองทุน ภปร เพื่อการวิจัย
4. เสด็จฯ ทอดพระเนตรรถสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก


5. เสด็จฯ ทอดพระเนตรเครื่องคัดขนาดข้าวโพดฝักอ่อน

6. เสด็จฯ ทอดพระเนตรการผ่าตัดไฝด้วยเลเซอร์


7. เสด็จฯ ทอดพระเนตรฮีเลี่ยมนีออนเลเซอร์ (หนึ่งในโครงการนิทรรศการทางด้านเลเซอร์)

8. อธิการบดี (รศ.ดร.ไพบูลย์ หังสพฤกษ์) เข้าเฝ้าทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาบัตรวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม

9. เสด็จฯ ทอดพระเนตรนิทรรศการทางด้านคอมพิวเตอร์ ( โครงการประมวลสารสนเทศ โครงการออกแบบอิเล็กทรอนิกส์โดยใช้คอมพิวเตอร์ และโครงการเทคโนโลยีการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยงาน )

10. เสด็จฯ ทอดพระเนตรการกำจัดผักตบชวา

11. เสด็จฯ ทอดพระเนตรโครงการเสริมกำลังดินโดยใช้ปูนขาว
ในปี พ.ศ.2533 ผศ.ดร.ปรุงจันทร์ วงศ์วิเศษ คณบดีคณะครุศาสตร์ฯ ในเวลานั้นได้จัดส่ง ส.ค.ส 2533 แด่คณาจารย์คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับ พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 “ ทรงชี้ ” 4 จุดอ่อนมหาวิทยาลัย ดังนี้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงชี้จุดบกพร่อง 4 ข้อใหญ่ที่มหาวิทยาลัยสมควรร่วมมือกันสร้างแนวทางให้ถูกต้องต่อไป

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2533 นี้ หลังจากเสร็จพิธีทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาวิชาต่างๆ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ณ ศาลาดุสิตดาลัย โดยนายกสภามหาวิทยาลัย 5 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มหาวิทยาลัยศิลปากร สถาบัณบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ผู้เข้าเฝ้าว่า
“ โดยปกตินั้นมหาวิทยาลัยมุ่งจะสอนนักศึกษาให้เป็นคนเก่ง เช่น ในด้านวิชาการ ความคิดริเริ่ม ความกล้าหาญ ในความกระตือรือร้นที่จะก้าวหน้า การสอนให้เก่งนี้ดูจะเห็นว่าดี แต่ถ้ามองให้ถี่ถ้วนแล้ว อาจทำให้เกิดข้อบกพร่องอันในตัวบุคคลได้ไม่น้อย ที่สำคัญ
1. บกพร่องในความคิดพิจารณาที่รอบคอบและกว้างไกล เพราะใจร้อน เร่งจะทำการให้เสร็จโดยเร็ว เป็นเหตุให้งานผิดพลาด ขัดข้อง ล้มเหลว
2. บกพร่องในความนับถือและเกรงใจผู้อื่น เพราะถือว่าตนเป็นเลิศ เป็นเหตุให้เย่อหยิ่ง มองข้ามความสำคัญของบุคคลอื่น และมักก่อความขัดแย้ง ทำลายไมตรีจิตมิตรภาพ ตลอดจนความสามัคคีระหว่างกัน
3. บกพร่องในความมัธยัสถ์ พอเหมาะพอดีในการกระทำทั้งปวง เพราะมุ่งหน้าแต่ทำตัวให้เด่น ให้ก้าวหน้า เป็นเหตุให้เห็นแก่ตัว เอารัดเอาเปรียบ
4. บกพร่องในจริยธรรมความรู้จักผิดชอบชั่วดี เพราะมุ่งแต่จะแสวงหาประโยชน์เฉพาะตัว ให้เพิ่มพูนขึ้น เป็นเหตุให้ทำความผิด ความชั่ว ทุจริตได้ โดยไม่รู้สึกสะดุ้งสะเทือน ”
ทรงตรัสต่อไปว่า “ ผู้ที่มีจุดบกพร่องดังกล่าวนี้เห็นกันอยู่ว่ามักจับเหตุจับผลจับหลักการไม่ถูก ส่วนใหญ่จึงประสบปัญหาและความผิดพลาด ไม่อาจสร้างความเจริญก้าวหน้าที่มั่นคงแท้จริงให้แก่ตน แก่บ้านเมืองได้ตามเป้าหมาย นอกจาก สอนคนให้เก่ง แล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะ อบรมให้ดี พร้อมกันไปด้วย ประเทศเราจึงจะได้คนที่มีคุณภาพพร้อม คือทั้งเก่งทั้งดีมาเป็นกำลังของบ้านเมือง ให้ความเก่งเป็นปัจจัย และพลังสำหรับการสร้างสรรค์ และให้ความดีเป็นปัจจัยเพื่อประคับประคองหนุนนำความเก่ง ให้เป็นไปในทางที่ถูก ที่อำนวยผลเป็นประโยชน์อันพึงประสงค์ ”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานคำแนะนำว่า ถ้ามหาวิทยาลัยทั้งหลายร่วมมือกันสร้างความเก่งความดีให้เกิดพร้อมกันในตัวนักศึกษาได้ อีกไม่นานความผิดพลาดสับสน รวมทั้งปัญหาข้อขัดข้องนานาประการ ในบ้านเมืองเรา จะทุเลาลดน้อยลง และความเจริญก้าวหน้าที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้รวดเร็วกว่าที่เราเร่งร้อน กระทำกันอยู่ในเวลานี้